2 คลินิกต้นแบบเมืองย่าโม เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่าน Health Link

 

BDI เปิด 2 โชว์เคส คลินิกต้นแบบเมืองย่าโม เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านระบบ Health Link เสริมประสิทธิภาพบุคลากรทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยต่อเนื่องด้วยข้อมูลที่แม่นยำ

หนึ่งในโจทย์ใหญ่ของระบบสาธารณสุขไทย คือ การดูแลผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่าง “ต่อเนื่อง” โดยไม่ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนสถานพยาบาล แม้ประเทศไทยจะมีระบบหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุมประชาชนส่วนใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้การรักษาไม่ราบรื่นเท่าไหร่นัก เช่น ความแออัดของโรงพยาบาลรัฐที่ทำให้แพทย์มีเวลาจำกัดต่อผู้ป่วยแต่ละราย ความลำบากของผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลที่ต้องเดินทางไกลเพื่อเข้าถึงบริการ ไปจนถึงการขาดระบบเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยที่ทำให้การส่งต่อการรักษาขาดตอน ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือเกิดการตรวจซ้ำโดยไม่จำเป็น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ แต่ยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมีนัยยะสำคัญ

เพื่อลดปัญหาเชิงระบบเหล่านี้ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI จึงริเริ่มผลักดันโครงการระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange: Health Link) ผ่านการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยนำร่องในพื้นที่ กทม. ซึ่งมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,500 แห่ง

จากความสำเร็จที่ผ่านมา โครงการ Health Link มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับสุขภาพประชาชนไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จึงเดินหน้าส่งต่อระบบเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพออกสู่ต่างจังหวัด ประเดิมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สปสช. เขต 9 นครราชสีมา ลุยหน่วยบริการสุขภาพที่เข้าร่วมอย่าง โฮมคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และอรพินท์ทันตคลินิก เพื่อต่อยอดเป็นสถานพยาบาลต้นแบบระดับชุมชนที่นำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินการดังกล่าวฯ ไม่เพียงเป็นการทดสอบนวัตกรรมทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการท้าทายความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยในการเปลี่ยนผ่านจากการทำงานแบบแยกส่วน (Fragmented Care) ไปสู่ระบบสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Integrated Care) อย่างแท้จริง ซึ่งหากประสบความสำเร็จ จะไม่เพียงลดต้นทุนทางระบบ เช่น ค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนจากการตรวจหรือรักษาเกินความจำเป็น แต่ยังเพิ่มความไว้วางใจในระบบสาธารณสุขให้กับประชาชนมากขึ้น ผ่านประสบการณ์การรักษาที่ราบรื่นและต่อเนื่องมากกว่าเดิม

ลดภาระ-เข้าถึงง่าย ยกระดับบริการแพทย์ชุมชนสู่ด่านหน้าระบบสาธารณสุข

นางกิติภรณ์ ยงยุทธ เจ้าของโฮมคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ กล่าวถึงการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านระบบ Health Link ว่า “ปัจจุบันคลินิกเปิดดูประวัติการรักษาจาก Health Link ผ่านทาง A-MED Care ซึ่งเป็นระบบสำหรับบริหารจัดการการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มอาการ ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) โดยเพิ่มปุ่ม  Health Link ในระบบ A-MED Care  ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมาก ระหว่างซักประวัติผู้ป่วยสามารถกดดูประวัติการรักษาได้ทันที เมื่อต้องการทราบรายละเอียดการรักษาในอดีตเพิ่มเติม และมีความครบถ้วนของชุดข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ ทำให้ตัวเองในฐานะพยาบาลหน่วยนวัตกรรมขนาดเล็กสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้การรักษาเป็นไปอย่าง ตรงจุด ปลอดภัย และต่อเนื่อง ส่งผลให้คลินิกในชุมชนสามารถทำหน้าที่เป็นด่านหน้าของระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างเต็มความสามารถ

โดยการเข้าร่วมโครงการ Health Link ช่วยเสริมศักยภาพในการเชื่อมโยงข้อมูลให้ถึงกัน ช่วย “ปรับสมดุล” ในการให้บริการดูแลรักษา โดยเฉพาะการกระจายภาระจากโรงพยาบาลศูนย์ที่มักเผชิญกับความแออัด ไปยังคลินิก หรือสถานพยาบาลระดับชุมชนที่สามารถรองรับและให้บริการเบื้องต้นได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วย หรือให้ผู้ป่วยเดินทางไกลเพื่อรับการดูแลเฉพาะทางในทันที ซึ่งไม่เพียงลดภาระของผู้ป่วยในแง่เวลาและค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมทั่วประเทศ”

Health Link แฟ้มสุขภาพเชื่อมการรักษาที่แม่นยำ ปลอดภัย และไร้รอยต่อ

ด้านทันตกรรมก็เป็นอีกหนึ่งบริการที่ถูกบูรณาการเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจากทุกพื้นที่ โดย พ.ต.ทพ.อนวัช สถิตเดชกุญชร เจ้าของอรพินท์ทันตคลินิก เผยว่า “คลินิกได้มีการใช้งานระบบ Health Link ผ่านระบบ Dent Cloud ให้บริการประชาชนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) โดยนำระบบ Dent Cloud ที่จัดเก็บข้อมูลการรักษาทันตกรรมผนวกกับระบบ Health Link ถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ที่ช่วยให้เกิดการผสานข้อมูลของผู้ป่วยทั้งในมิติทางการแพทย์และทันตกรรมเข้าไว้ในภาพเดียวกัน ทำให้แพทย์ทั่วไปและทันตแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่าง ครบถ้วน ปลอดภัย และไร้รอยต่อ โดยเฉพาะในกรณีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือใช้ยาที่อาจส่งผลต่อการรักษาทางทันตกรรม การมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยลดความเสี่ยงจากการรักษาที่อาจไม่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดการวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำและรัดกุมมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลข้ามสาขาวิชาชีพในระบบสุขภาพ เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้แบบองค์รวม ซึ่งการเปิดดูประวัติการรักษาจากระบบ Health Link ผ่านระบบ Dent Cloud มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพราะต้องขอความยินยอมจากคนไข้ทุกครั้งที่มารับบริการ ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาสุขภาพได้ ส่งผลให้ข้อมูลประวัติการรักษาค่อนข้างครอบคลุมในการรักษาด้านทันตกรรม หากสามารถขยายการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมหน่วยบริการเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน”

สุขภาพไทยไร้รอยต่อ เมื่อทุกวิชาชีพเชื่อมถึงกันด้วยข้อมูลเดียว

นพ.ธนกฤต จินตวร ผู้บริหารกิจการพิเศษสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ กล่าวว่า “การพัฒนาแพลตฟอร์ม Health Link ไม่ได้เป็นเพียงการใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวก แต่คือการยกระดับ “คุณภาพ” ของการรักษาอย่างเป็นรูปธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูล และทำให้ทุกวิชาชีพในระบบสุขภาพสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากการเชื่อมโยงข้อมูลกับคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ รวมถึงคลินิกทันตกรรมแล้ว ระบบ Health Link ได้ขยายการเชื่อมต่อไปยังหน่วยบริการนวัตกรรมสุขภาพรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเวชกรรม, คลินิกกายภาพบำบัด, คลินิกแพทย์แผนไทย, คลินิกเทคนิคการแพทย์ และร้านยา ครอบคลุม 7 หน่วยนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนในระบบ สปสช. ซึ่งคาดว่าจะขยายครอบคลุมทั้งหมดจำนวนมากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2568 พร้อมรองรับนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” มุ่งให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ทุกระดับ ตั้งแต่ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ไปจนถึงตติยภูมิอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลการรักษาจะเกิดขึ้นภายใต้การยินยอมของผู้ป่วยเท่านั้น เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและสิทธิด้านข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์”

ก้าวสู่ระบบสุขภาพบูรณาการระดับชาติ ภายใต้การขับเคลื่อนของ BDI

“สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI พร้อมเป็นกลไกหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาล หน่วยบริการสุขภาพ และร้านยาคุณภาพทั่วประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพประเทศในด้านสาธารณสุข และปูรากฐานไปสู่การสร้างเครือข่ายสุขภาพแบบบูรณาการระดับชาติ โดยมีเป้าหมายขยายการเชื่อมโยงไปยังสถานพยาบาลของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงสถานพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมทั้งระบบ ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากระบบสุขภาพแบบแยกส่วน (Fragmented Care) ไปสู่ระบบสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Integrated Care) ที่เชื่อมโยง เข้าถึง และเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ BDI ในการวางรากฐานให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Data-Driven Nation หรือประเทศที่ขับเคลื่อนการพัฒนาผ่านข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน” นพ.ธนกฤต กล่าวสรุป

แหล่งข้อมูล

https://www.thansettakij.com/technology/627583