กรณีศึกษาญี่ปุ่นใช้ AI ดูแลคนแก่ที่อยู่คนเดียวอย่างไร

 

เป็นที่ทราบกันดี ว่า “ญี่ปุ่น” เข้าสู่ “สังคมสูงวัย” มานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราการเกิดในญี่ปุ่นปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ที่เด็กเกิดสูงสุดถึง 2 ล้านคน และผู้เชี่ยวชาญคาดว่าปริมาณเด็กแรกเกิดของญี่ปุ่นจะเหลือเพียง 500,000 คน ในปี พ.ศ. 2586 หรือในรอบ 70 ปีที่ผ่านมา

อัตราการเจริญพันธุ์อยู่ที่ 1.34 จุด ลดลง 0.02 จุดจาก จำนวนการแต่งงานลดลง 73,517 คู่ เหลือเพียง 525,490 คู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปี พ.ศ. 2565 ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ โดยมีเด็กแรกเกิดเพียง 599,636 คน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชากรญี่ปุ่นในปัจจับุนเหลือเพียง 125 ล้านคน ลดลงติดต่อกันหลายปีต่อเนื่องกันมายาวนานถึง 14 ปี และคาดว่า ภายในปี พ.ศ. 2603 ญี่ปุ่น จะเหลือประชากรเพียง 85 ล้านคน หายไป 40 ล้านคน ส่งผลให้ประชากรวัยทำงานลดลง และประชากรผู้สูงอายุมีมากขึ้น เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติเป็นอย่างยิ่ง

ในยุคของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกนโยบายกระตุ้นให้คนมีลูก โดยให้เด็กอนุบาลเรียนฟรี เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปีในครอบครัวผู้มีรายได้น้อย รัฐจะให้เงินช่วยเหลืออุดหนุน 42,000 เยน หรือประมาณ 12,000 บาทต่อคนเพื่อเข้าศูนย์รับเลี้ยงเด็ก

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้หญิงญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อช่วยขับดันเศรษฐกิจหรือที่เรียกว่า Womenomics ทำให้อัตราส่วนผู้หญิงทำงานที่มีอายุระหว่าง 30-34 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 75.2% ขยับขึ้นจาก 3 ทศวรรษที่แล้วซึ่งมีเพียง 50% ขณะที่อัตราการเข้าร่วมในแรงงานของผู้หญิงอายุระหว่าง 15-64 ปีเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 69.4% นั่นเอง

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็คาดการณ์ว่า ครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุอยู่คนเดียวจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี พ.ศ. 2563 สัดส่วนครัวเรือนญี่ปุ่นทั่วประเทศที่อาศัยอยู่คนเดียวและมีอายุ 65 ปีขึ้นไปมีอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ซึ่งคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในทศวรรษหน้า

ซึ่งคาดว่า ใน 47 จังหวัดของญี่ปุ่น จะมีถึง 16 จังหวัดที่มีครัวเรือนผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 ในปี พ.ศ. 2583 และมีการคาดการณ์กันว่า ในปี พ.ศ. 2593 สัดส่วนดังกล่าวจะสูงเกินร้อยละ 20 ในมากกว่า 2 ใน 3 ของจังหวัดทั้งหมด

แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วัยชราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความโดดเดี่ยวด้วย ดังนั้น ทางการญี่ปุ่นจึงเร่งใช้ AI เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว

เกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดเป็นหนึ่งในนั้น โดยทางการญี่ปุ่นได้นำ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI (Artificial Intelligence) เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว

โดยตลอดทั้งวัน AI จะถามผู้สูงอายุว่า รู้สึกอย่างไร หรือกินยามื้อเช้า หรือมื้อเย็น หรือยัง หากไม่มีคำตอบภายใน 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์หาผู้พักอาศัยหรือไปเยี่ยมบ้านเพื่อยืนยันความเป็นอยู่ของพวกเขา

จากข้อมูลคาดการณ์ที่ว่า สัดส่วนครัวเรือนผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวในโตเกียวจะไม่เกินระดับร้อยละ 20 ในปี พ.ศ. 2593 อย่างไรก็ตาม หันไปดูที่โตเกียว ซึ่งจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการดูแลผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียวมากกว่า 1,000,000 คน

ตัวอย่างที่ดีในกรณีนี้ก็คือ คุณปู่วัย 82 คนหนึ่งซึ่งเคยอาศัยอยู่คนเดียว แต่ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่บ้านใจกลางกรุงโตเกียวร่วมกับนักศึกษาอายุ 19 ปี

โดยทางการอนุญาตให้นักศึกษาคนดังกล่าวแชร์ห้องพักกับคุณปู่ โดยคิดค่าเช่าเพียงเดือนละ 30,000 เยน หรือประมาณ 6,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ในข้อตกลงว่า คุณปู่ต้องสื่อสารกับนักศึกษาคนนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

คุณปู่บอกว่า การใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่มีใครคุยด้วยนั้นไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เขาบอกว่าการได้พบปะกับคนหนุ่มสาวทำให้เขามีพลัง

ทางด้านนักศึกษาบอกว่า รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ร่วมบ้านกับผู้สูงอายุ และยังประหยัดค่าเช่าได้อีกด้วย เขาบอกว่าการจัดการแบบนี้ยังช่วยให้เข้าใจคนรุ่นเก่าด้วย และหวังว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ในอนาคต

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาชี้ว่า สังคมไม่ควรทอดทิ้งคนแก่

ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาสวัสดิการที่ Mizuho Research & Technologies กล่าวว่า การสนับสนุนคนแก่ที่เคยได้รับจากครอบครัวในอดีต จะต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในสังคม โดยจะต้องขยายรูปแบบความช่วยเหลืออื่นๆ นอกเหนือไปจากที่ครอบครัวสามารถให้ได้ และรัฐบาลควรเพิ่มหลักประกันการพยาบาลดูแลและวิธีการสนับสนุนสาธารณะอื่นๆ มากกว่านี้

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2025/04/15/japan-uses-ai-to-care-elderly/