รัฐบาลไทยปูทาง "โดรนส่งสินค้า" ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์

 

เป้าหมายหลักในการนำโดรนมาใช้

การนำ "อากาศยานไร้คนขับ" (โดรน) มาใช้เป็น โครงสร้างพื้นฐานใหม่ ในระบบขนส่ง มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบ พัสดุ, เวชภัณฑ์ และสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะใน พื้นที่ห่างไกล ที่การขนส่งทางบกเข้าถึงได้ยาก ซึ่งจะช่วย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และ เพิ่มการเข้าถึงบริการ ให้แก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่รองรับ (โดย NT/ดีอีเอส)

กระทรวงดีอีเอส ผ่านทาง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ได้วางรากฐานทางเทคโนโลยีสำคัญเพื่อขับเคลื่อนสู่ยุค "Smart Mobility" ดังนี้:

  • แพลตฟอร์ม UTM: พัฒนาระบบบริหารจัดการจราจรทางอากาศสำหรับโดรน (Unmanned Aircraft System Traffic Management)
  • โครงข่ายสื่อสาร: ใช้คลื่น 700 MHz เพื่อเป็นช่องทางในการ ติดตามและควบคุมเที่ยวบินโดรน แบบเรียลไทม์
  • ระบบ Remote ID: เชื่อมต่อระบบเพื่อ ตรวจสอบตัวตน ของโดรนทุกลำอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน

การพัฒนานี้ทำให้โดรนสามารถบินได้อย่างเป็นระบบ ตรวจสอบได้ และปลอดภัยในน่านฟ้าของประเทศ

การกำกับดูแลและความปลอดภัย (โดย คมนาคม/CAAT)

กระทรวงคมนาคมมอบหมายให้ CAAT (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย) เร่งพัฒนากฎระเบียบที่ "ชัดเจน รัดกุม และทันสมัย" โดยเน้นย้ำถึงมาตรฐาน ความปลอดภัย (Safety and Security) เป็นอันดับแรก

  • วัตถุประสงค์: เพื่อ ป้องกันการใช้โดรนในทางที่ผิด เช่น การลักลอบขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด
  • ทิศทางสากล: CAAT กำลังผลักดันแนวทางการกำกับดูแล Advanced Air Mobility (AAM) ในระดับภูมิภาค และเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ AAM ในปี 2026 เพื่อยกระดับมาตรฐานไทยให้เป็นไปตามสากล

ก้าวต่อไปสู่ระบบนิเวศแห่งชาติ

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ "ระบบนิเวศโดรนแห่งชาติ (National Drone Ecosystem)" เป้าหมายคือการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อสร้างมาตรฐานการบินไร้คนขับของไทยให้มีความปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เทคโนโลยีโดรนสามารถนำมาใช้ได้จริงในหลากหลายมิติ ทั้ง การแพทย์, โลจิสติกส์, การเกษตร และบริการสาธารณะ อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ