กฟผ. ดัน "Floating Solar" บน 3 เขื่อนหลัก สู่พลังงานอัจฉริยะ มุ่งเป้า Net Zero 🇹🇭
กระทรวงพลังงานเร่งเครื่องเต็มที่ สั่ง กฟผ. เดินหน้าโครงการ "โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar)" ใน 3 เขื่อนหลัก หลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าที่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
ไฮไลต์โครงการ "พลังงานสะอาดอัจฉริยะ"
โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนผิวน้ำ แต่คือการสร้าง "โรงไฟฟ้าไฮบริด" ที่ชาญฉลาด โดยมีจุดเด่นคือ:
- ใช้ทรัพยากรคุ้มค่าสูงสุด: ติดตั้งแผงโซลาร์บนผิวน้ำในเขื่อนของ กฟผ. ที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้พื้นที่ดิน
- ลดต้นทุน: สามารถใช้อุปกรณ์และระบบส่งไฟฟ้าร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเดิมได้ทันที ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาที่เหมาะสม
- เพิ่มเสถียรภาพ: พลังงานแสงอาทิตย์ (มีแดด) และพลังงานน้ำ (ควบคุมได้) จะทำงานเสริมกัน ช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าของประเทศ
แผนขยาย 3 เขื่อนหลัก (รวม 1,638 MW)
โครงการนี้จะขยายใน 3 เขื่อนหลักของ กฟผ. โดยมีแผนระยะที่ 1 ดังนี้:
เขื่อนศรีนครินทร์ (จ.กาญจนบุรี):
- เป้าหมายรวม: 770 เมกะวัตต์
- ระยะที่ 1: 140 เมกะวัตต์ (กำหนดจ่ายไฟเข้าระบบปี 2570)
- เขื่อนภูมิพล (จ.ตาก):
- เป้าหมายรวม: 778 เมกะวัตต์
- ระยะที่ 1: 158 เมกะวัตต์
เขื่อนวชิราลงกรณ (จ.กาญจนบุรี):
เป้าหมายรวม: 90 เมกะวัตต์- ระยะที่ 1: 50 เมกะวัตต์
ผลกระทบเชิงบวก (Impact)
โครงการใน 3 เขื่อนนี้เพียงอย่างเดียว คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รวมถึง 20.56 ล้านตัน ตลอดอายุโครงการ 25 ปี
นี่คือส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ (PDP2018 rev. 1) ที่ กฟผ. จะต้องพัฒนา Floating Solar ให้ได้รวม 2,725 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 โดยต่อยอดความสำเร็จจากโครงการที่เขื่อนสิรินธร (จ.อุบลราชธานี) และเขื่อนอุบลรัตน์ (จ.ขอนแก่น) ที่ดำเนินการไปแล้ว