EEC มุ่งสู่ "ASEAN Digital Hub" ด้วยแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลใหม่

 

คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้มีมติสำคัญเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 โดยเฉพาะการอนุมัติ "ร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล พ.ศ. 2567–2570" ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ให้เป็น "ASEAN Digital Hub" หรือศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน

สาระสำคัญของแผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (พ.ศ. 2567–2570)

แผนนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมให้ EEC ก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน 2 แนวทางหลัก และ โครงการสำคัญ ดังนี้:

1. แนวทางหลัก

  • แนวทางที่ 1: พัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และรองรับการเติบโตและการลงทุนด้านเทคโนโลยีในอนาคต
  • แนวทางที่ 2: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้าง เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (Smart City)

2. โครงการสำคัญ

  • ยกระดับโครงข่ายโทรคมนาคม: เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมาย "ASEAN Digital Hub"
  • วางผังโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: จัดวางให้สอดคล้องกับระบบคมนาคมและสาธารณูปโภคอื่น ๆ ในพื้นที่
  • ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ: ให้ทันสมัยและรองรับกิจกรรมด้านดิจิทัล
  • ยกระดับเมืองอัจฉริยะและการบริการภาครัฐแบบดิจิทัล: เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและประชาชน
การขับเคลื่อน: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการกำกับ ติดตาม และรายงานความคืบหน้าของแผนนี้

การประเมินกฎหมาย EEC และความคืบหน้าการพัฒนา

ที่ประชุม กพอ. ยังได้รับทราบข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม 2 ส่วน ดังนี้:

1. ผลการประเมิน พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561

  • ความจำเป็น: ผลประเมินชี้ว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังคงมีความจำเป็นและเหมาะสม ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ เนื่องจากช่วยส่งเสริมการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • ผลดี: ช่วยให้ภาครัฐให้บริการแบบ One Stop Service ลดอุปสรรคและต้นทุนแก่ผู้ประกอบการ และมีบทบาทสำคัญในการ ลดความเหลื่อมล้ำ ผ่านกองทุนพัฒนา EEC ที่ช่วยพัฒนาชุมชน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และให้ทุนการศึกษา

2. ความก้าวหน้าการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ

  • จำนวนเขต: มีการจัดตั้ง เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษรวม 46 แห่ง (และอยู่ระหว่างเสนอ ครม. อีก 7 แห่ง) แบ่งเป็น นิคมอุตสาหกรรม, เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการเฉพาะ และเขตที่เอกชนจัดตั้งเฉพาะอุตสาหกรรม
  • ระบบบริการ: มีการพัฒนาระบบบริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (EEC-OSS) ที่ให้บริการแล้วกว่า 50 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่การขอจัดตั้งเขต การขอรับสิทธิประโยชน์ ไปจนถึงการอนุญาตตามกฎหมายต่าง ๆ

การอนุมัติแผนปฏิบัติการดิจิทัลครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ EEC ที่จะเปลี่ยนผ่านเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมใหม่ของภูมิภาค" ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและคุณภาพชีวิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล