สแกนลึกถึงแกนกลาง! กทพ. ส่ง 'หุ่นยนต์ RMI' ตรวจชีพจรสะพานพระราม 9 ก่อนซ่อมใหญ่ปี 69

 

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสู่ยุค Smart City เต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยี หุ่นยนต์และคลื่นแม่เหล็ก มาใช้ตรวจสอบความปลอดภัยของ "สะพานพระราม 9" ที่อยู่คู่คนกรุงมากว่า 35 ปี ก่อนเริ่มภารกิจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่

ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ Technology-Driven Maintenance หรือการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการบำรุงรักษา เพื่อความแม่นยำ ประหยัดงบประมาณ และความปลอดภัยสูงสุด

เจาะลึกเทคโนโลยี: หุ่นยนต์ RMI คืออะไร?

กทพ. ร่วมมือกับ บริษัท นอร์ซีฟ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด นำนวัตกรรม Robotic Magnetic Induction Inspection (RMI) หรือ หุ่นยนต์ตรวจสอบระบบเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็ก เข้ามาทำงานร่วมกับโดรนและวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ

  • หน้าที่หลัก: ทำหน้าที่คล้าย "เครื่องสแกน MRI" เพื่อเอกซเรย์เข้าไปในเนื้อเหล็กของสายเคเบิล (Cable Pendel)
  • สิ่งที่มองหา: ตรวจหา "สนิม" และ "รอยฉีกขาด" ที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยไม่ต้องปอกเปลือกสายเคเบิลออกมาดู
  • ผลลัพธ์: ได้ข้อมูลความปลอดภัยระดับเชิงลึก (In-depth Inspection) เพื่อประเมินอายุการใช้งานและวางแผนซ่อมได้ตรงจุด

ไทม์ไลน์สำคัญ: เตรียมรับมือการซ่อมใหญ่ปี 2569

หลังจากหุ่นยนต์ RMI สแกนเสร็จสิ้น กทพ. จะนำข้อมูลไปวางแผนการซ่อมบำรุง โดยมีกำหนดการที่สำคัญดังนี้:

  1. กลางปี 2569: เปิดให้บริการทางด่วนสายใหม่ "พระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก" เพื่อใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงหลัก
  2. ภายในปี 2569: เริ่มปิดซ่อมแซมสะพานพระราม 9 (หลังจากทางด่วนใหม่เปิดแล้ว)
  3. ระยะเวลาดำเนินการ: ประมาณ 1 ปี
Smart Budget: แผนนี้ใช้งบประมาณ ไม่เกิน 1 พันล้านบาท โดยเลือกวิธี "ซ่อมแซม" จุดที่เสียหายแทนการ "เปลี่ยนสายเคเบิลทั้งหมด" ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้มหาศาล

ผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนน (Traffic Management)

หลายคนกังวลเรื่องรถติด กทพ. จึงวางแผนรับมือไว้ 2 ชั้นเพื่อลดผลกระทบ:

  • รอทางเลือกใหม่: จะไม่เริ่มซ่อมจนกว่าทางด่วนสายใหม่ (พระราม 3-ดาวคะนอง) จะเปิดใช้งาน เพื่อระบายรถออกไป
  • ทยอยทำ: การซ่อมแซมจะใช้วิธี "ทยอยปิดบางช่องจราจร" ไม่มีการปิดตายสะพานทั้งหมด เพื่อให้รถยังสามารถสัญจรได้

กทพ. ไม่ได้ใช้แค่แรงงานคนในการตรวจสอบ แต่ใช้ Data & Robotics เข้ามาช่วยตัดสินใจ (Data-Driven Decision) ทำให้รู้จุดซ่อมที่แน่นอน ช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และมีการวางแผนลดผลกระทบต่อประชาชนล่วงหน้าด้วยโครงข่ายจราจรใหม่ ถือเป็นการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยครับ