เศรษฐกิจดิจิทัล VS ความยั่งยืน - เกมชี้ชะตา Data Center ไทย

 


เครื่องยนต์เศรษฐกิจ ปะทะ วิกฤตทรัพยากร

Data Center ทำหน้าที่เป็น "กระดูกสันหลัง" ของเศรษฐกิจดิจิทัล แต่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรอย่างเข้มข้น ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงต่อวิกฤตทรัพยากร:

  • ความต้องการน้ำมหาศาล: ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscale) อาจใช้น้ำเพื่อการหล่อเย็นสูงถึง 1.5 ล้านลิตรต่อวัน ความต้องการนี้สร้างความตึงเครียดและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งด้านทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ซึ่งเผชิญปัญหาภัยแล้งอยู่แล้ว
  • ความต้องการไฟฟ้าที่ไม่สิ้นสุด: ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 กิกะวัตต์ (GW) สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้เทียบเท่ากับ 200,000 ถึง 300,000 หลังคาเรือน การใช้พลังงานที่สูงลิ่วนี้เป็นความท้าทายด้านความมั่นคงทางพลังงาน โดยมีกรณีศึกษาจากต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นความรุนแรง เช่น ในไอร์แลนด์ Data Center บริโภคไฟฟ้ามากกว่า 20% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ ขณะที่ในสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วน 7%

ความไม่สมดุล: ต้นทุนสูงกว่าผลประโยชน์โดยตรง

มีการชี้ให้เห็นว่า Data Center มีความไม่สมดุลระหว่างต้นทุนและผลประโยชน์โดยตรงต่อสังคมที่น่ากังวล โดยศูนย์ข้อมูลขนาด 1 GW ที่บริโภคทรัพยากรเทียบเท่ากับประชากรในครัวเรือนจำนวนมาก อาจสร้างการจ้างงานโดยตรงได้เพียงประมาณ 50 ตำแหน่งเท่านั้น ความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่าง ต้นทุนด้านทรัพยากร และ ผลประโยชน์ด้านการจ้างงานโดยตรง นี้ ถือเป็นหัวใจของความท้าทายด้านความยั่งยืนที่ผู้กำหนดนโยบายต้องทบทวน

นวัตกรรมและนโยบายสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

การแก้ปัญหาคือการสร้างสมดุลผ่าน นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการจัดการทรัพยากร ควบคู่กับการกำกับดูแลที่เข้มงวด:

1. การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Circular Water Solutions)

  • ระบบหมุนเวียนน้ำแบบวงจรปิด: มุ่งเน้นการบำบัด รีไซเคิล และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ แทนการใช้ครั้งเดียว ซึ่งสามารถ ลดการใช้น้ำจืดได้ถึง 50-70%
  • การใช้แหล่งน้ำทางเลือก: มีการสำรวจทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น การใช้เทคโนโลยี แยกเกลือออกจากน้ำทะเล (Seawater Desalination) ในพื้นที่ EEC และความร่วมมือในการศึกษาการใช้ พลังงานความเย็นที่ได้จากกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้ในระบบหล่อเย็น
  • การวัดประสิทธิภาพ: การใช้ตัวชี้วัด Water Usage Effectiveness (WUE) เพื่อสะท้อนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้นำอุตสาหกรรมสามารถลดค่า WUE ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกมาก

2. การวางกรอบนโยบายเชิงกลยุทธ์

  • การกำกับดูแลจากภาครัฐ: ใช้ตัวอย่างจากประเทศชั้นนำ เช่น Singapore Green Data Centre Roadmap เพื่อกำหนดมาตรฐานการใช้น้ำ การจัดสรรทรัพยากร และความยั่งยืน
  • การพัฒนาบุคลากรและการวิจัย: มีการสนับสนุนโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์สีเขียว และการวิจัยและพัฒนาที่สอดคล้องกับภูมิอากาศเขตร้อน ผ่านต้นแบบอย่าง Sustainable Tropical Data Centre Testbed (STDCT) ที่มุ่งลดการใช้พลังงานและน้ำลงถึง 40%

หากประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคอย่างแท้จริง การเติบโตของ Data Center จะต้อง ไม่แลกมาด้วยความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร ผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างรอบคอบ การนำนวัตกรรมมาใช้จริง และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในทุกระดับ