เมื่อ "อาคาร" ในไทย ผลิตไฟฟ้าได้เองด้วยเทคโนโลยี BIPV จากกระจก ผนัง สู่แหล่งพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ

 

เทคโนโลยี BIPV (Building-Integrated Photovoltaics) กำลังเปลี่ยนโฉมอาคารในประเทศไทย จากเดิมที่เป็นเพียงผู้ใช้พลังงาน ให้กลายเป็น ‘โรงไฟฟ้า’ ในตัวเอง โดยการผสานโซลาร์เซลล์เข้ากับวัสดุก่อสร้างโดยตรง เช่น กระจก ผนัง หรือหลังคา ทำให้ตัวอาคารไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ด้วย เทรนด์นี้ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดอีกต่อไป แต่กำลังเกิดขึ้นจริง ผ่านโครงการนำร่องและการลงทุนจากภาคเอกชนรายใหญ่

ทำไม BIPV ถึงเหมาะกับเมืองร้อนอย่างไทย?

สำหรับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้น BIPV มอบ "ผลประโยชน์สองต่อ" (Double Dividend) ที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง:

  1. ผลิตไฟฟ้าสะอาด: ตัวอาคารสามารถสร้างพลังงานใช้เอง ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอกและลดค่าไฟในระยะยาว

  2. ลดความร้อน: วัสดุ BIPV เช่น กระจกโซลาร์เซลล์ ทำหน้าที่เป็นฉนวนและกันแดดไปในตัว ช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่อาคารโดยตรง ทำให้เครื่องปรับอากาศ (HVAC) ทำงานน้อยลง ซึ่งเป็นตัวการหลักในการใช้พลังงานของอาคารในไทย

ผลลัพธ์คือ อาคารที่ประหยัดพลังงานและมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

ความเคลื่อนไหวสำคัญในไทย: จากห้องแล็บสู่โครงการจริง

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีความก้าวหน้าที่จับต้องได้ในการนำเทคโนโลยี BIPV มาใช้งาน:

  • สวทช. เปิดอาคารทดสอบ: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เปิด "อาคารประเมินประสิทธิภาพ BIPV แห่งแรกในไทย" เมื่อเดือนมีนาคม 2567 เพื่อเก็บข้อมูลการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพการลดความร้อนในสภาพอากาศจริง สร้างความเชื่อมั่นและเป็นข้อมูลอ้างอิงให้แก่นักออกแบบและนักลงทุน

  • Kaneka ต่อยอดสู่อาคารสูง: บริษัท คาเนกะ จากญี่ปุ่น ได้ทำโครงการสาธิตติดตั้ง BIPV บนฟาซาด (ผนังอาคาร) ของอาคารสูงในไทย เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ทั้งสำหรับอาคารสร้างใหม่และการรีโนเวท

  • Central Pattana นำไปใช้จริง: ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้ประกาศแผนขยายการติดตั้ง BIPV ในโครงการมิกซ์ยูสและศูนย์การค้าแห่งใหม่ๆ เพื่อมุ่งสู่อาคารที่พึ่งพาพลังงานตนเองมากขึ้น เป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดเริ่มมอง BIPV เป็นวัสดุมาตรฐานทางเลือกแล้ว

ความคุ้มค่าและอนาคตของ BIPV

แม้ปัจจุบันต้นทุนการติดตั้ง BIPV อาจยังสูงกว่าการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบดั้งเดิม (BAPV) และต้องการนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อจูงใจนักลงทุน แต่แนวโน้มในอนาคตสดใสอย่างแน่นอน ด้วย 3 ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ:

  1. แรงผลักดันด้าน ESG: บริษัทและองค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมากขึ้น การสร้างอาคารคาร์บอนต่ำจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ

  2. เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า: BIPV มีรูปแบบหลากหลายขึ้น ทั้งแบบโปร่งแสง แบบสี และมีระบบติดตั้งที่ง่ายขึ้น ทำให้สถาปนิกมีอิสระในการออกแบบมากขึ้น

  3. ข้อมูลจริงในประเทศ: การมีอาคารทดสอบของ สวทช. ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน

ทั้งหมดนี้กำลังผลักดันให้ BIPV ก้าวจากนวัตกรรมเฉพาะกลุ่ม สู่การเป็น "วัสดุก่อสร้างกระแสหลัก" ที่เราจะได้เห็นในอาคารอัจฉริยะและอาคารสีเขียวทั่วประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้