ยะลา "นครใยแมงมุม": Smart City ต้นแบบที่เกิดก่อนกาล ด้วยวิสัยทัศน์การวางผังเมืองเมื่อ 80 ปีก่อน
ยะลาไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่มีผังเมืองสวยที่สุดในประเทศไทย แต่ยังเป็นกรณีศึกษาชั้นเยี่ยมของการเป็น "เมืองอัจฉริยะโดยกำเนิด" (Smart City by Birth) ที่มีนวัตกรรมการออกแบบซึ่งมาก่อนกาลเกือบศตวรรษ ด้วยโครงสร้างผังเมืองแบบ "ใยแมงมุม" อันเป็นเอกลักษณ์
นวัตกรรมที่ซ่อนอยู่ فىผังเมือง "ใยแมงมุม"
ผังเมืองยะลาซึ่งริเริ่มโดย พระรัฐกิจวิจารณ์ ในปี พ.ศ. 2485 คือรากฐานสำคัญที่ตอบโจทย์หลักการ Smart City ในปัจจุบันอย่างน่าทึ่ง:
Smart Mobility & Smart Governance:
ศูนย์กลางวงเวียน 3 ชั้น: คือหัวใจของการออกแบบ ทำหน้าที่แบ่งโซนเมืองอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
วงในสุด: ศูนย์ราชการ (Smart Governance) ทำให้การบริหารจัดการและการติดต่อราชการรวมศูนย์และสะดวก
วงกลาง: ที่พักอาศัยของข้าราชการ, โรงเรียน, โรงพยาบาล สร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนกัน
วงนอกสุด: ย่านการค้าและที่อยู่อาศัยของประชาชน
ถนน 400 สายแบบใยแมงมุม: ถนนที่แตกแขนงออกจากศูนย์กลางไปทุกทิศทาง ช่วยลดการจราจรที่แออัด กระจายความเจริญ และทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นไปอย่างคล่องตัว
Smart Environment & Smart Living:
การออกแบบที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิต: แนวคิดการปลูกต้นประดู่สองข้างทาง, การสร้างเกาะกลาง และทางเท้าที่กว้างขวาง สะท้อนการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและสิ่งแวดล้อมที่ดีมาตั้งแต่ต้น
แก้ปัญหาด้วยการวางแผน: ผังเมืองนี้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในอดีตที่ต้องย้ายเมืองถึง 4 ครั้งเพราะปัญหาน้ำท่วมและพื้นที่จำกัด การเลือก "บ้านนิบง" เป็นที่ตั้งสุดท้ายแสดงถึงการวางแผนที่ยั่งยืนและมองการณ์ไกล
จากวิสัยทัศน์ในอดีต สู่ Smart City ในอนาคต
แม้ว่าแนวคิดของพระรัฐกิจวิจารณ์จะเกิดขึ้นก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า "Smart City" แต่โครงสร้างพื้นฐานที่ท่านวางไว้ได้กลายเป็นต้นทุนที่แข็งแกร่งที่สุดของยะลาในการพัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะยุคใหม่
ปัจจุบัน เทศบาลนครยะลาได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาต่อยอดบนโครงสร้างเดิม ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับบริการภาครัฐ (Smart Governance), การจัดการสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) และพัฒนาระบบคมนาคมใหม่ๆ ให้เชื่อมต่อกับผังเมืองเดิมได้อย่างลงตัว (Smart Mobility)
บทสรุปสำหรับชาวไทยสมาร์ทซิตี้:
ยะลาคือเครื่องพิสูจน์ว่า "ผังเมืองที่ชาญฉลาด คือฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดของ Smart City" การมีวิสัยทัศน์ในการวางโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาเมืองในระยะยาว แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่เอื้อให้การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในอนาคตเป็นไปได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด